วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนเปียโนมีมากกว่าที่คิด

ในปัจจุบันผู้ปกครองโดยส่วนมากจะสอนลูกหลานให้ฝึกฝนในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในวันข้างหน้า และกลับพบกว่าเด็กรุ่นใหม่ในปัจจุบันมักมีความอดทนน้อย ยิ่งเป็นเรื่องเรียนด้วยแล้ว ไม่ว่าเรียนรู้เรื่องอะไร หากเด็กไม่อยากเรียนรู้เองคงยากที่จะบังคับได้ ยิ่งในปัจจุบันที่เด็กส่วนใหญ่ เรียกว่าคลอดออกมาจากท้องแม่ก็มีมือมือสมาร์ทโฟนออกมาด้วยเลย จะว่างั้นก็ได้ ทำให้เด็ก ๆ ในปัจจุบันมักอยู่กับสังคมโซเชียลมากกว่าที่ควรจะหาทักษะอะไรติดตัว พอถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่าแล้วจะให้เริ่มเรียนงานอดิเรกอะไรเพิ่มเติม ผมขอแนะนำด้านดนตรีครับ อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นกีต้าร์ เปียโน ตีกลอง เครื่องเป่า เพราะสิ่งที่ดนตรีให้นั้น ไม่ได้มีแค่ทักษะทางด้านดนตรี กลับมีสิ่งที่เราทุกคนมองข้ามไป



งานวิจัยจาก University of Vermont College of Medicine ได้พบความสัมพันธ์ด้านตัวแปรของการเรียนเปียโนว่า การเรียนเปียโน หรือดนตรีต่าง ๆ นั้นไม่ใช่แค่เพิ่มทักษะด้านการเรียงลำดับด้านความคิดและการให้เหตุผลในชีวิตประจำวัน แต่ยังทำให้ผู้เรียนได้ลดความกระวนกระวายใจ ควบคุมอารมณ์หรือที่เรียกกันว่า Emotional Control และที่สำคัญสุดคงไม่พ้นเรื่องของการยับยั้งชั่งใจ ในเรื่องการควบคุมความโกรธอีกด้วย

การเรียนเปียโนจะช่วยพัฒนาเด็ก ๆ ให้มีเหตุและผล และยังช่วยพัฒนาเด็กที่มีปัญหาด้านสมอง ยกตัวอย่างเช่นโรคไฮเปอร์ในเด็ก ที่มักจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย และยังรักษาได้ยาก กลับเป็นเรื่องง่าย เป็นที่น่าเสียดายจริง ๆ ว่าเรื่องราวของงานวิจัยเหล่านี้ถูกมองข้ามและละเลยไป การเรียนเปียโน เรียนกีต้าร์ เรียนร้องเพลง มักถูกผู้ใหญ่มองเป็นแค่เพียงการฝึกทักษะทางด้านดนตรีเท่านั้น แท้ที่จริงหน่วยงานด้านการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังพบรายงานที่ว่าเด็กในชั้นมัธยมของอเมริกา มากกว่า 75% ไม่เคยเรียนรู้เรื่องดนตรี หรือฝึกฝนใด ๆ เลย จากความเป็นจริงที่ได้จากข้อมูลนี้ทำให้ได้ผลสรุปออกมาชัดเจนว่าเรื่องราวนี้ได้ถูกละเลยไปมากแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่งานวิจัยเหล่านี้ได้ค้นพบว่าจริง ๆ แล้วเด็กที่มีโอกาสได้เรียนรู้ทางด้านดนตรีนั้นจะมีทักษะทางด้านสังคมดีกว่าเด็กเคยเรียนหรือฝึกฝนใด ๆ

Mozart Effect ที่เป็นงานวิจัยและเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ของ Rauscher et al. ที่ได้เคยศึกษาในปี 1993 ทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ได้เริ่มสังเกตเห็นและวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ ทั้งทางด้านดนตรี การฝึกฝนและความฉลาด แน่นอนว่างานวิจัยอาจจะไม่ได้แสดงให้เราได้เห็นเป็นตัวเลขบ่งชี้ว่าจอห์นนี่นั้น มี IQ ที่เพิ่มขึ้น 10 จากการฝึกฝนเรียนรู้จากการเล่นเพลง Clementi sonatina (James Hudziak นักฟิสิกส์และะนักวิจัย) แต่งานวิจัยนี้ได้อธิบายทางวิทยาศาสตร์ไว้ว่า ดนตรีนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสมองของผู้ที่เคยเรียนรู้และฝึกฝนทางด้านดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนเปียโน นอกจากนั้นยังเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการจัดเรียงความคิดและการประมวลหตุและผลจากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย การฝึกฝนดนตรี การเรียนเปียโนนั้นสามารถเพิ่มความฉลาดของเด็กจากการบ่งชี้จากสมมติฐานที่สนับสนุนแนวคิดนี้ นอกจากนั้นยังบ่งชี้ถึงทักษะด้านการเข้าสังคมที่เพิ่มขึ้นจากการติดตามผล Hudziak ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า เนื่องจากการศึกษาในภาคปัจจุบันที่ละเลยและไม่ได้ให้ความสำคัญของดนตรีเท่าที่ควรนั้นแสดงให้เห็นว่า ในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า ภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องควรที่จะเล็งเห็นและให้ความสำคัญที่จะศึกษาเรื่องการพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ ในการส่งเสริมการเรียนรู้ทางด้านดนตรีเพิ่ม เรียกว่าเตรียมความพร้อมกันตั้งแต่ก่อนคลอดเลยก็ว่าได้ เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ


ย้อนมาดูใกล้ตัวบ้าง เรื่องราวของการเรียนรู้ทางด้านดนตรีหรือเรียนเปียโนนั้นแท้ที่จริงผู้ปกครองที่จะส่งลูกหลานไปเรียนรู้นั้นมักจะคิดแค่อยากให้มีทักษะด้านดนตรีติดตัวเท่านั้น ทางภาครัฐอาจมีส่วนช่วยในการส่งเสริมและให้ความรู้กับผู้ปกครองอย่างชัดเจน หากคิดจะพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ ก็ควรจะเริ่มศึกษาอย่างจริงจังถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนเปียโนที่มีมากกว่าที่คิดไว้มาก ๆ ผลลัพท์ที่ได้แน่นอนว่าได้มากกว่าที่คิดไว้แน่ ๆ จากคำขวัญที่ว่า เรียนดี กีฬาเดิน อาจจะต้องเพิ่มต่อท้ายไปว่า ดนตรีเยี่ยม ก็เป็นได้

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

ปลดล็อค Samsung Galaxy S6 ทำอย่างไร

ในปัจจุบันการใช้โทรศัพท์มือถือทุกวันนี้ เราใช้งานไม่ใช่แค่การโทรคุย หรือส่งแชทกับเพื่อน คนใกล้ชิดและคนที่เรารักเราแคร์เพียงอย่างเดียว ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกลทำให้โทรศัพท์มือถือนั้นมีความสามารถถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอได้ดี บางรุ่นบางยี่ห้อ สามารถตัดต่อได้ในเครื่องเลย ความสามารถดีเทียบเท่ากับที่มืออาฃีพใช้งานกัน นอกเหนือจากนั้นเรายังสามารถใช้ท่องเน็ต ทั้งฟังเพลงดูหนัง หรือแม้แต่เล่นเกมกัน ความสามารถโดยรวมทั้งหมดนี้ หากลองคิดย้อนไปซัก 10 ปีที่แล้วเราอาจต้องพกพาอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อที่จะได้ความสามารถแบบนี้ติดตัวกันไม่ได้แน่นอน แต่ด้วยเทคโนโลยี เราสามารถย่อความสามารถทั้งหมดนี้พกไว้ในกระเป่าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงแค่นั้นเอง ครับ ผมกำลังพูดถึงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนั่นเองไง ที่มีตั้งแต่รุ่นเล็ก ๆ ราคาถูกจนถึงรุ่นแพง ๆ ที่สามารถใช้เป็นอวัยวะที่สามสิบสามได้เลยก็ว่าได้



ตอนนี้ที่ผมนั่งเขียนอยู่ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่นิยมกันมากที่สุดก็หนีไม่พ้น Samsung Galaxy S6 ของผู้ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ที่เปิดตัวกันมาเมื่อต้นปี 2015 โทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เปิดตัวมา มีทั้งแฟนตัวยงทั้งหลาย และผู้ใช้หน้าใหม่ทยอยกันไปซื้ออย่างไม่ขาดสายเลย ทั้งตัวเครื่อง สเปคนั้นสูงมาก เป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คนแม้กระทั่งผมที่เป็นสาวก Apple ยังต้องขอไปดูหน้าเครื่องนี้ที่ศูนย์บริการแถว ๆ ที่พักเลย วันนี้เอง ที่ผมจะมาเล่าให้ฟังก็คือ Galaxy S6 นี้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้ได้ครบทุกฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่ากับราคาที่แลกมาซึ่งเทคโนโลยีของ Samsung Galaxy S6 ที่ได้ถูกใส่เอาไว้ให้เราใช้ทั้งหมดได้ ทำไมหละ ก็เพราะเจ้าเครื่องนี้มาพร้อมกับเจ้า Provider Lock หรือล็อคจากศูนย์ (ศูนย์บริการที่ขายเครื่องพร้อมซิม หรือค่ายผู้ให้บริการมือถือนั่นเอง) ที่หากคุณต้องการที่จะใช้งานมันให้ได้คุ้มค่าแล้วละก็ คุณต้อง unlock หรือปลดล็อคมันก่อนนั่นเอง

แต่ช้าก่อน ผมจะพูดถึงวิธีการปลดล๊อคระบบของ S6 ทีหลัง ก่อนอื่นผมจะเล่าถึงเหตุผลสำคัญกันก่อน ว่าทำไมเราจะต้องรู้ก่อนว่ามีกรณีไหนบ้างที่จะต้องปลดล็อคเครื่องด้วย เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ผมจะอธิบายคร่าว ๆ พอสังเขบละกัน

กรณีแรกสุดเลยที่ส่วนใหญ่มักจะเจอกันอยู่ในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นแน่ ๆ เรื่องการย้ายค่าย ยิ่งตอนนี้มีโปรออกมาล่อตาล่อใจกันเยอะแยะไปหมด ในกรณีที่คุณได้ซื้อเครื่องจากค่ายนั้น ๆ แล้ว คุณจะไม่สามารถที่จะใช้ซิมจากต่างค่ายได้เลย หากคุณไม่ได้ทำการปลดล็อคก่อน แต่หลังจากปลดแล้วหลังจากนั้น จะย้ายไป จะย้ายมา จะเปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา (ทำไมให้เมื่อย?) ก็เป็นเรื่องหมู ๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากคนข้าง ๆ

ในกรณีที่สองนั้นก็คล้าย ๆ ในกรณีแรกแค่แตกต่างกันที่จุดประสงค์ เป็นในกรณีที่คุณจะเดินทางไปมาระหว่างประเทศต่างพื้นที่แต่ก็ไม่อยากที่จะพลาดข่าวอัพเดทสำคัญจากเพื่อน ๆ ในโซเชียลมีเดีย คุณก็อาจต้องคิดถึงค่าให้บริการเพิ่มเติมจากการ Roaming ที่บางคนเริ่มปวดหัว และอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญเลยทีเดียวในการใช้งาน และถ้าเราไม่อยากจะเสียค่าบริการเพิ่ม ก็แค่เปลี่ยนเป็นซิมตามสถานที่ที่เราไปดู หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Local SIM ซึ่งแน่นอนเป็นแช่แป้งว่าประหยัดไปได้มากโข แต่ที่คุณอาจไม่ทันสังเกตเหมือนกับที่ไปเล่าให้ฟังไปย่อหน้าก่อนหน้านี้ ว่าหากคุณไม่ได้ปลดล็อค คุณก็เปลี่ยน SIM ไม่ได้ (เปลี่ยนได้ แต่ใช้งานไม่ได้ เอ๊ะยังไง) ก็เพราะว่ามันเปรียบเหมือนการย้ายค่ายเลย คือ ๆ กัน เพราะฉะนั้นการปลดล็อคก็เป็นตัวเอกของงานนี้แน่นอน ทำไมคุณไม่ลองปลดล็อคไว้ก่อนเลยหละ


ต่อมาในกรณีสุดท้าย คุณคงไม่ลืมบทเรียนของทาง iOS ที่เปิดตัว Find my iPhone ที่ทำให้การซื้อการขายต่อมีความยุ่งยากขึ้นมาก เจ้า​ S6 ก็ไม่แพ้กัน ถ้าไม่ได้ทำการปลดล็อคกันก่อน คงจะไมเกรนขึ้นกันเลยไม่น้อย เพราะคนที่จะซื้อต่อเรา หรือเราที่ซื้อต่อมา จะใช้ค่ายเดียวกับเจ้าของเครื่องคนก่อนเสมอไป หากคุณเสนอว่าปลดล็อคแล้วด อาจจะทำให้ราคาดีขึ้นอีกจะดีมั้ยละ

การปลดล็อคในปัจจุบันนั้น ที่นิยมและง่ายที่สุดคือการปลดโดย ใช้โค้ดชุดคำสั่ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Unlock by Code เพราะแน่นอนว่าประหยัด แถมปลอดภัยมาก และแน่ ๆ ว่ามันง่ายมากถึงมากที่สุด คุณไม่ต้องเชี้ยวชาญด้านเทคนิคอะไรเลย ไม่พึ่งสายเคเบิ้ลอีกด้วย ไม่ต้องเข้าเข้าศูนย์ ฟังแล้วน่าลองมาก ทุกอย่างสามารถทำได้โดยใช้เพียงแค่เรามี Galaxy S6 เท่านั้น ถ้ามีเครื่องรุ่นอื่นก็ทำไม่ได้เช่นกัน ก็เราพูดถึง S6 อะนะ

ส่วนอีกวิธีที่ เพื่อนแนะะนำมาหลังจากได้ลองใช้แล้ว (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน) การใช้บริการจากเว็ปไซต์ unlockunit.com วิธีการนั้นง่ายมากอีกเช่นกัน คุณแค่เลือกแบรนด์ เลือกรุ่นของเครื่องที่คุณใช้ กับกรอก IMEI และแหล่งที่มาของเครื่อง (ซื้อที่ไหนก็ที่นั่น ของคุณก็คงเป็นในไทย) หลังจากนั้นให้รอซักพัก ระบบก็จะส่งอีเมล์ให้คุณพร้อมกับรหัสปลดและนำไปใช้ได้ทันทีกับเครื่อง คุณก็จะสามารถปลดล็อคได้ ง่ายและเร็วกว่าวิธีแรกซะอีกนะ แต่โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านก่อน ผมไม่ได้ลองเอง แค่ได้คำแนะนำมาอีกต่อหนึ่ง

แต่ช้าก่อน ผมก็เลยช่วยไปดูผู้ให้บริการในเว็ป จากปากของลูกค้า (ใช้มือพิมพ์เอานะ) บอกว่าปัจจุบันมีมากกว่าสองแสนคนที่ใช้แฮปปี้จากทั่วทั้งโลก มีบริการลูกค้าหลังการใช้งานให้ด้วย ด้วยคะแนน 4.7 จาก 5 จาก Review Center เห็นอย่างนี้ก็พอเบาใจได้ปะเหลาะหนึ่ง ถ้าอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมละก็ลองเข้าเว็ปของเค้าดู หรือไม่ก็ศึกษาดูจากยูทิวป์ดูก็ได้ ดูจากวิดีโอเห็นภาพก็ดี เพราะเค้าสอนตั้งแต่ขั้นตอนในการเริ่มต้นจนถึงรับปริญญาเลยทีเดียว

มาดูอีกวิธีการที่จะปลดล็อคเครื่อง Galaxy S6 แน่นอนว่าก็คงไม่พ้นเข้าศูนย์ อาจต้องเสียเวลารอขณะดำเนินการ หรือแม้แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในบางกรณีก็ได้

วิธีการสุดท้าย การรูทเครื่อง เป็นวิธีที่ง่ายแน่นอน แต่โปรดศึกษาข้อมูลก่อนการรูท การรูทเครื่องมีความเสี่ยงสูง โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินการเป็นอย่างดี ดีไม่ดีคุณอาจแยกแยะเครื่องทับกระดาษกับ S6 ไม่ออก

สรุปโดยรวม วิธีปลดล็อค Samsung Galaxy S6 ที่ง่ายดายและปลอดภัยก็คงเป็นการ​ Unlock by Code รวดเร็วและง่ายดายสุด ๆ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องไปเข้าศูนย์ ทำเองได้ และกับวิธีที่สบาย จ้างเค้าเอา ที่อาจต้องเสี่ยงกับตัวเครื่อง หรือผิดข้อตกลงการประกันหากยังอยู่ในระยะเวลา แนะนำว่าไม่ควรไปรูท

เชื่อว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้เพื่อน ๆ ไม่มาก็น้อยนะครับ ขอตัวไปปลดแปป

ฝึกตีกลองอย่างไรให้เก่งด้วย Moeller method

อะไรคือ Moeller Method เทคนิคการตีแบบ Moeller method เป็นการฝึกตีกลองเพื่อคุมไม้กลองให้อยู่หมัด โดยส่งผลโดยตรงให้มือกลองไม่ว่าจะเป็นพลัง สปีดในการออกไม้ และการคุมไม้กลองเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ ทำให้ผลหลังจากการฝึกด้วยตัวเองโดยรวมของการตีกลองนั้นดีขึ้นอย่างมาก วิธีการฝึกฝนแบบฉบับของ Moeller method เป็นวิธีที่มือกลองส่วนใหญ่และมืออาชีพทั่วโลกนิยมใช้ในการฝึกตีกลองอย่างแพร่หลาย ผมจึงอยากแนะนสำหรับผู้ฝึกฝนฝึกตีกลอง ลองศึกษาดู วิธีการฝึกฝนแบบนี้สำหรับผู้เริ่มต้นเองก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นในการเรียนวิธีนี้ยังไงก่อนอื่นขอผมอธิบายก่อนซักนิดละกันว่า Moeller Method จะสามารถช่วยอะไรคุณได้บ้าง มันจะคุ้มมั้ยกับการศึกษาวิธีใหม่ ๆ นี้


เพิ่มและพัฒนาการคุมไม้กลอง หรือการจับไม้นั่นเอง


ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้เทคนิคการตีกลองนี้ การฝึกฝนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากเพียงคุณได้เรียนรู้เทคนิคแล้วนำไปทดลองฝึกฝนพัฒนา ฝึกฝนตีกลอง ในทุกขณะที่คุณได้เล่น ซ้อมดนตรี ได้ซ้อมวง หรือแม้แต่ซ้อมเดี่ยวเองที่บ้าน คุณจะได้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ ไม่เคยเจอมาก่อนในการคุมไม้กลองได้ในแบบมืออาชีพเลยหละครับ ด้วยการฝึกฝนเรียนรู้และใช้เทคนิคนี้เป็นประจำ คุณจะได้เรียนรู้วิธีการจับไม้ทั้งตอนฝึกฝนและการเล่นจริงได้อย่างถูกต้องในแบบที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน วิธีการที่เป็นสิ่งที่ Moeller Method นั้นออกแบบมาโดยเฉพาะ จะทำให้คุณได้ลิ้มรสสัมผัสถึงการตอบสนองจากผิวกลองและการคุมไม้กลองจากการออกแรงตีกลองของคุณ คุณจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงตำแหน่งตีที่ดีที่สุด แม้แต่การคอนโทรลสมดุลของไม้ที่รวดเร็วและง่ายมาก ๆ บทเรียนผ่านวิดีโอสำหรับหาตำแหน่งที่ดีที่สุดและวิธีจับไม้กลองที่ถูกต้องแบบฉบับ  Moeller นั้นสามารถหาดูได้จาก Lessons ของ Mike Michalkow ทางยูทิวป์ได้ คุณสามารถค้นหาวิธีการจับไม้กลองอย่างถูกวิธีได้เยอะแยะทางกูเกิ้ลก็ได้ตามแนวทางนี้ แล้วมันพอแล้วที่จะเริ่มต้นศึกษา Moeller method ด้วยตัวคุณเองในระยะเวลาสั้น ๆ ง่ายมากเลยใช่มั้ยครับ ลองศึกษาวิธีจับไม้กลองก่อนจะไปกันต่อละกัน

เพิ่มพลังการตี ออกแรงน้อย ได้สโตคมาก


เมื่อคุณได้เรียนรู้วิธีการจับไม้อย่างถูกต้องแล้ว คุณก็พร้อมแล้วที่จะเรียนรู้ Moeller Method เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณใช้เพียงแค่ข้อมือในการตีกลองโดยอาศัยการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้พลังในการลงแต่ละจังหวะนั้นคุ้มค่ามากขึ้น การเคลื่อนไหวนี้นั้นไม่ยากที่จะฝึกและเรียนรู้เองได้ ถึงกระนั้นคุณจำเป็นจะต้องเรียนรู้การเคลื่อนไหวที่ถูกต้องถูกสไตล์ก่อนนะ หลังจากได้ฝึกฝนการตีกลองและเรียนรู้ Moeller Method แล้ว คุณก็สามารถใช้แรงน้อยเพื่อได้สโตคการตีที่มากขึ้นได้ คุ้มแรงเลยทีเดียว นอกเหนือจากนั้นการเรียนรู้เทคนิควิธีนี้ก็ทำให้คุณสามารถเพิ่มไดนามิคของกลองชุดได้ดีเลย คุณจะสามารถสัมผัสมันได้หลังจากคุณสำเร็จเทคนิคนี้อย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ

เพิ่มสปีดในการตีกลองของได้สองเท่าหรือมากกว่า


เมื่อคุณได้เรียนรู้วิธีการตีกลองตามเทคนิควิธีการของ Moeller Method แล้ว คุณจะเริ่มรู้สึกได้อย่างทันทีทันใด ซึ่งสิ่งที่เห็นชัดมาก ๆ ก็คือสปีดของการตีที่เพิ่มขึ้น เทคนิควิธีการนี้ได้สอนถึงการอาศัยแรงถีบกลับของผิวกลองกับไม้กลอง เพื่อให้การตีเพียงครั้งเดียวได้สโตคมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากที่คุณสำเร็จเทคนิคนี้ คุณจะได้สโตคเริ่มจาก 2 ถึง 6 ครั้งในการออกแรงลงกลองเพียงแค่ครั้งเดียว คุณลองนึกจินตนาการถึงการตีกลองเพื่อให้ได้ 4 จังหวะโดยไม่อาศัย Moeller method สิ คุณอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าถึงเท่าตัวในการตีกลองแบบปกติจากการฝึกฝนด้วยตนเอง สุดท้าย คุณก็จะสามารถได้ทั้งความเร็วสปีด การคุมไม้กลอง และพลังในการตีที่คุณเองไม่อาจเคยได้สัมผัสมาก่อนเลย

หลังจากคุณฝึกฝนจนช่ำชองแล้ว หากคุณลองคิดดูละก็คุณอาจจะได้เหตุผลมากมายในการฝึกฝนและเรียนรู้เทคนิควิธีการดี ๆ แบบ Moeller method มากกว่าที่จะละเลยวิธีนี้ เทคนิคนี้ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนสไตล์ลูกเล่นการตีกลอง แต่หลังจากได้ฝึกฝนและเรียนรู้จนช่ำชองแล้ว คุณจะเริ่มสังเกตได้เองว่าการตีกลองของคุณได้ถูกพัฒนาไปมากเลย และในบางครั้งบางที การฝึกฝนและเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ ก็อาจทำให้เราอาจต้องย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น แต่ได้เริ่มต้นอย่างถูกวิธีก็สามารถไปได้ไวกว่าเดิมมาก ๆ แน่นอนเลยทีเดียวว่าหลังจากคุณได้เรียนรู้วิธีนี้จนเชี่ยวชาญแล้วละก็ สไตล์การตีกลองชุดของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และได้รู้โดยทันทีว่าเทคนิคนี้นั้นแพร่หลายมาก ๆ หากได้ลองศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมดู มีมากมายถึง 40 วิธีการฝึกฝนเลยทีเดียว แต่คุณฝึกไม่นาน คุณก็จะสัมผัสเองได้ว่ามันดีจริง ๆ


สุดท้ายนี้ผมไม่อาจพูดได้แค่ว่าเริ่มต้นด้วย Moeller Method นั้นง่าย ยังไงซะวิธีนี้เหมาะสมกับทั้งคนใหม่คนเก่า มืออาชีพ มือสมัครเล่น รวมทั้งคนที่อยากจะได้เทคนิควิธีที่จะเพิ่มทั้งพลังในการตีกลอง สปีดในการตีกลอง รวมทั้งได้ฝึกฝนเรียนรู้วิธีเทคนิคต่าง ๆ ในการจับไม้อย่างถูกต้อง เพื่อส่งเสริมให้การฝึกฝนเรียนรู้ในการตีกลองทั้งมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นนั้นง่ายและรวดเร็วขึ้น และคุณจะเก่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว  ที่สำคัญไม่ต้องไปเสียค่าเรียนที่ไหนเพราะวิธีนี้นั้นสามารถเรียนรู้ได้โดยตัวคุณเอง Learn It Yourself แล้วพบกันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

จากจักรยานพับได้ มาเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่พับได้เหมือนกับกระเป๋าเดินทาง

ผมได้เห็นเว็ปนอกลงข่าวเกี่ยวกับจักรยานพับได้ จนเข้ามาไทยและเป็นที่นิยมของนักปั่นบ้านเราเหมือนกัน ไม่รู้เพื่อน ๆ มีโอกาสได้เห็นบนบีทีเอสบ้านเราเหมือนผมมั้ยที่มีพนักงานออฟฟิศพกขึ้นมาบนรถไฟฟ้าหลังเลิกงานเพื่อไปปั่นย่านสวนลุมพินีฯ ผมเห็นแล้วก็ เออนะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันก็เปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปซะทุกด้าน และเมื่อไม่นานมานี้ผมไปเห็นเว็ปนอกเขาโพสเกี่ยวกับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่เป็น สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่พับได้หยั่งกับกระเป๋าเดินทาง ดูแล้วก็อยากได้มาใช้งานบ้างถ้าถนนบ้านเราไม่น่ากลัวดังเช่นทุกวันนี้ ถึงยังไงผมก็จะมาเล่าให้ฟังละกัน ว่ามันเป็นยังไง และหน้าตา คุณสมบัติของมัน น่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน







ไอเจ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่ว่านี้ ชื่อว่า Moveo Scooter ได้ถูกพัฒนาโดย Antro Group มามากกว่า 5 ปีจนออกมาให้โลกยลโฉม เราส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าทิศทางของการออกแบบอุปกรณ์และแอปพิเคชั่นเท่านั้นที่ปัจจุบันจะออกมาแบบให้พกพาและใช้งานได้สะดวกในชีวิตประจำวัน ทำให้เล็กให้ทันสมัยพกพาง่าย แต่พอเห็นเจ้านี่ Moveo - foldable electric scooter ความคิดของผมก็เปลี่ยนไปทันที ทุกอย่างบนโลกมันเปลี่ยนไปทิศทางเดียวกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพกพาได้ ที่แบบ แหม อีกนิดนึกแบกเป็นเป้ได้เลยนะเนี่ย


เห็นอย่างนี้ หลาย ๆ คนคงคิดว่าหนักแน่ แต่ไอเจ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า คันนี้ กลับมีน้ำหนักเพียงแค่ 25 กิโลกรัมเท่านั้นเอง (ก็หนักอยู่นะถ้าเทียบกับเป้ใบนึง ^^) พกพาได้แบบนี้ ความคิดก็แวปมาในหัวเลยว่า น่าเอาไปขับแถว ๆ ชานเมือง หรือชายหาด ยามพักผ่อน ก็ไม่เลวทีเดียว ที่คิดแบบนี้ ก็เพราะมันคือ สกู๊ตเตอร์ เพราะไอเจ้า Moveo นี้มีความเร็วสูงสุดเพียง 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถึงอย่างไร ความที่มันพกพาได้คล่องตัวยามไม่ได้ใช้งานมันนั้น ก็ทดแทนข้อด้อยของมันไปได้มากโข ที่สำคัญ ยังช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย ได้ประโยชน์หลายต่อเลยทีเดียว ยิ่งถ้าอนาคตได้เห็นเจ้านี่โลดแล่นบนถนนในบ้านเราเยอะแยะ ก็คงรู้สึกดีไม่น้อย เพราะด้วยความเร็วสูงสุดของมันแล้ว น่าจะลดอันตรายจากการขับขี่ด้วยความเร็วเกินกำหนดไปได้โดยปริยาย

เห็นอย่างนี้ หลาย ๆ คนอาจจะอยากได้เป็นเจ้าของ หรือจับจองเอาไว้ขับขี่เล่นในหมู่บ้านหรือสถานที่ใกล้ ๆ ที่พักอาศัย แต่เจ้า สกู๊ตเตอร์ คันนี้ก็ยังไม่มีกำหนดออกวางจำหน่ายตามท้องตลาดของเมืองนอก กว่าจะถึงบ้านเราก็คงอีกนาน แต่ผมเอามายั่วน้ำลายหลายคนเล่นสนุก ๆ ก่อน ฮา จนกว่ามันจะออกสู่ท้องตลาด ก็อยากให้เพื่อน ๆ ลองจินตนาการดู ว่าถ้ามีมันอยู่บนท้องถนนบ้านเราในอนาคต และคนนิยมกันเยอะ ๆ มันจะเป็นอย่างไร โลกคงน่าอยู่ขึ้น หากเปรียบเทียบกับควันและไอเสียจากรถราในปัจจุบันแล้วละก็นะ ผมคิดว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พกพาสะดวกและดูเก๋ไก๋ไปในคราวเดียวกัน

ก็จบไปอีกเรื่องหนึ่ง กับเรื่องราวของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเรานะครับ ผมจะพยายามมองหาเรื่องใหม่ ๆ มาเขียนให้เพื่อน ๆ ได้ความรู้และบันเทิงอยู่เสมอ ติชม หรือคอมเมนต์ได้นะครับ สำหรับวันนี้ ลาไปก่อนครับ ติดตาม ข่าวสารข้อมูลด้านเทคโนโลยี และดนตรี กับชีวิตประจำวัน ได้ใหม่นะครับ

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ เทรนด์ เพลงป๊อป ภาพรวมและเนื้อหา เสียงร้อง บีทการตี กลองชุด กัน

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นแนวป๊อป ร๊อค บัลลาด หรือแม้แต่แบบคลาสสิค สมัยวัยรุ่น ผมเคยเรียนดนตรี เปียโน หรือแม้แต่ ตีกลอง ระดับที่ไปถึงก็ไม่ได้สูงมาก อาศัยการศึกษาเองส่วนตัวจากบทความต่าง ๆ ที่เรียงร้อยออกมาและนำมาซึมซับบอกเพื่อน ๆ กันวันนี้ ซึ่งผมต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก อาศัยครูพักลักจำ ศึกษาเอง ไม่มีแก่นแท้จากอะไร เป็นความคิดส่วนตัวล้วน ๆ เลย เหมือนคนดูบอล ชอบวิจารณ์บอลอะไรต่าง ๆ จะให้ผมไปร้อง ไปแต่ง เรียบเรียง หรือ ตีกลองอะไรแบบนั้น ก็อาจจะได้แค่นั่งนิ่ง ๆ แล้วมองเพื่อนแค่นั้นเอง (ฮา)

ว่าแต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์ของเพลงป๊อปละกัน จริง ๆ ผมชอบเพลงหลายแนวมาก ๆ ก็กลัวว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบแนวที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังเท่าไหร่ เอาไว้หลัง ๆ ผมค่อยเขียนเล่าตอนที่เพื่อน ๆ เผลอละกัน (ฮา) ตอนนี้ เอาเป็นว่าจะดูเทรนด์ปีนี้ (2015) ก็คงต้องศึกษาของปีที่แล้วกันก่อนว่าเค้าเป็นยังไงกัน ส่วนตัวผมชื่นชอบเพลงของทางฝั่งตะวันตก เนื่องจากการรังสรรค์บทเพลงออกมา เป็นที่โปรดปรานของผมเอง ทั้งเนื้อหา การเรียบเรียง ถาพรวม บีทต่าง ๆ ของการตีกลอง ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลย

มาไล่ดูเทรนด์ของเพลงป๊อปในปีที่แล้ว 2014 กัน โดยผมเองดูจาก อันดับท๊อป 100 ของ Billboard ของปี



1. การใช้เครื่องไม้เครื่องมือการปรับแต่งเสียงร้องมาช่วย เพื่อลดจุดบอดของเสียง หรือการชิ้ปเสียงนั่นเอง เทคนิคนี้เป็นการผสมผสานเสียงร้องของนักร้องและการชิ้ปเสียงขึ้นหรือลง เพื่อทำให้มูฟเมนต์ของเสียงมีฮาร์โมนี่ ซึ่งเราจะได้ยินกันบ่อย ๆ กับเพลงของ Maroon 5 เป็นต้น



2. การเล่นจังหวะตีกลอง ถ้าดูเพลงป๊อปแนว R&B หรือ Hip hop จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะมีจังหวะเรียบง่าย แต่เพิ่มจังหวะที่ไม่มีบีทเข้าไป สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของเพลงได้เป็นอย่างดี



3. การใช้เทคนิค Sidechain มาสร้างฮาโมนี่ของเสียงดนตรี ซึ่งเทคนิคนี้เป็นที่แแพร่หลาย ๆ ของเพลงฝั่งยุโรป แต่ปัจจุบันเพลงทางฝั่งโลกตะวันตกส่วนใหญ่ก็ซึมซับมันมาเช่นกัน เช่นเพลงของ Ariana Grande ชื่อเพลง Love Me Harder ช่วงฮุคลองสังเกตการ ตีกลอง ดู จะมีจังหวะเงียบอยู่ในทุก ๆ คิก เปรียบเสมือนเสียงลมหาย ๆ เข้าออก ฟังแล้วได้อารมณ์ดีจริง ๆ



4. เพลงป๊อปส่วนใหญ่จะตีสแนร์ เพื่อคุมบีทในช่วงจังหวะที่ 3 ของเพลงบีท 4:4 แต่ในปีที่แล้วนั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเสียงสแนร์กันแล้ว ทำให้เสียงของดนตรีดูแปลกออกไปอีกแนวหนึ่งเลยทีเดียว



5. เทคนิคที่จะกล่าวถึงนี้ แน่นอนว่าทุกคนได้ยินบ่อยมาก ๆ ในพักหลัง นั่นก็คือการเพิ่มเสียงเฮี้ยว ๆ หรือเสียงเฮในบีทส่งห้องหรือก่อนเข้าจังหวะกลอง ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่เพลงป๊อปสมัยใหม่นำมาใช้



6. เทคนิคที่ยังเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือการพิชเสียงของนักร้องขึ้นครึ่งเสียงนั่นเอง เป็นที่สังเกตว่า เพลงทางฝั่งตะวันตกโดยส่วนมากที่เป็นแนวป๊อปจะมีเพลงที่มีเสียงแปร่ง ๆ ออกมา สร้างเอกลักษณ์ให้เพลง เป็นอย่างดี



7. ปัจจุบัน คงไม่มีใครที่จะบอกว่าโปรแกรมจำพวก Autotune, Melodyne หรืออื่น ๆ ได้ทำลายพื้นฐานของเพลงที่เราเคยรู้จักกันไปเสียแล้ว ผมจะบอกว่ามันคือดาบสองคม ไม่มีเพลงไหนเลยที่ติดอันดับและไม่ได้พึ่งพามัน ผมหมายถึงการร้องเพลงของนักร้องสมันนี้ดูเหมือนจะไม่ผิดเพี้ยนไปเลย ต้องขอบคุณโปรแแกรมเหล่านี้ที่ทำให้เราไม่สะดุดกับเสียงร้องจริง ๆ ของนักร้องบางคนที่จะรู้อีกทีว่าดีไม่ดีก็ตอนไปฟังคอนเสริ์ตนั้นแหละ



8. เป็นการกลับมาอีกครั้งของเสียง Saxophone หรือเครื่องเป่าอื่น ๆ ที่นำมาเรียบเรียง สอดแทรกไว้ในบทเพลงในปีที่แล้ว ซึ่งจริง ๆ ในบ้านเราก็มีการนำเสียงเครื่องเป่าเหล่านี้ไว้ด้วย ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงความคลาสสิคและโมเดิร์นไปในคราวเดียวกัน


ก็จบแล้วนะครับ สำหรับการวิเคราะห์เทรนของปีที่แล้ว โดนส่วนใหญ่จะออกไปทางแต่งเติมสีสันให้กับเสียงร้องและจังหวะตีกลองต่าง ๆ ซึ่งที่สังเกตได้ชัดมาก ๆ ก็คือการใช้เทคนิคตอนโปรดักชั่นเพิ่มเติม โดยอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือทางดนตรี ทำให้ฮาร์โมนี่ของเสียงต่าง ๆ ลงตัว แน่นอนครับว่า คนฟังจะก็จะฟังอย่างรื่นหู สบายอารมณ์

สุดท้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์โดยใช้ความคิดส่วนตัว กลาง ๆ ออกไปทางอารมณ์เป็นที่ตั้ง ของผมที่ไม่ได้เอกดนตรีศาสตร์แต่อย่างใดนะครับ อาศัยฟังเพลงเยอะเพลงแยะ อาศัยอ่านบทความต่างประเทศแล้วเอามายำรวมกับความคิดของผมเอง อาจจะมีตกหล่น บกพร่องไปตรงไหนก็ลองคอมเมนต์มาดูกันได้นะครับ ก็ติดตามบทความดี ๆ (มั้ง) จากผมได้นะครับ