วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ เทรนด์ เพลงป๊อป ภาพรวมและเนื้อหา เสียงร้อง บีทการตี กลองชุด กัน

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นแนวป๊อป ร๊อค บัลลาด หรือแม้แต่แบบคลาสสิค สมัยวัยรุ่น ผมเคยเรียนดนตรี เปียโน หรือแม้แต่ ตีกลอง ระดับที่ไปถึงก็ไม่ได้สูงมาก อาศัยการศึกษาเองส่วนตัวจากบทความต่าง ๆ ที่เรียงร้อยออกมาและนำมาซึมซับบอกเพื่อน ๆ กันวันนี้ ซึ่งผมต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก อาศัยครูพักลักจำ ศึกษาเอง ไม่มีแก่นแท้จากอะไร เป็นความคิดส่วนตัวล้วน ๆ เลย เหมือนคนดูบอล ชอบวิจารณ์บอลอะไรต่าง ๆ จะให้ผมไปร้อง ไปแต่ง เรียบเรียง หรือ ตีกลองอะไรแบบนั้น ก็อาจจะได้แค่นั่งนิ่ง ๆ แล้วมองเพื่อนแค่นั้นเอง (ฮา)

ว่าแต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์ของเพลงป๊อปละกัน จริง ๆ ผมชอบเพลงหลายแนวมาก ๆ ก็กลัวว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบแนวที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังเท่าไหร่ เอาไว้หลัง ๆ ผมค่อยเขียนเล่าตอนที่เพื่อน ๆ เผลอละกัน (ฮา) ตอนนี้ เอาเป็นว่าจะดูเทรนด์ปีนี้ (2015) ก็คงต้องศึกษาของปีที่แล้วกันก่อนว่าเค้าเป็นยังไงกัน ส่วนตัวผมชื่นชอบเพลงของทางฝั่งตะวันตก เนื่องจากการรังสรรค์บทเพลงออกมา เป็นที่โปรดปรานของผมเอง ทั้งเนื้อหา การเรียบเรียง ถาพรวม บีทต่าง ๆ ของการตีกลอง ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลย

มาไล่ดูเทรนด์ของเพลงป๊อปในปีที่แล้ว 2014 กัน โดยผมเองดูจาก อันดับท๊อป 100 ของ Billboard ของปี



1. การใช้เครื่องไม้เครื่องมือการปรับแต่งเสียงร้องมาช่วย เพื่อลดจุดบอดของเสียง หรือการชิ้ปเสียงนั่นเอง เทคนิคนี้เป็นการผสมผสานเสียงร้องของนักร้องและการชิ้ปเสียงขึ้นหรือลง เพื่อทำให้มูฟเมนต์ของเสียงมีฮาร์โมนี่ ซึ่งเราจะได้ยินกันบ่อย ๆ กับเพลงของ Maroon 5 เป็นต้น



2. การเล่นจังหวะตีกลอง ถ้าดูเพลงป๊อปแนว R&B หรือ Hip hop จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะมีจังหวะเรียบง่าย แต่เพิ่มจังหวะที่ไม่มีบีทเข้าไป สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของเพลงได้เป็นอย่างดี



3. การใช้เทคนิค Sidechain มาสร้างฮาโมนี่ของเสียงดนตรี ซึ่งเทคนิคนี้เป็นที่แแพร่หลาย ๆ ของเพลงฝั่งยุโรป แต่ปัจจุบันเพลงทางฝั่งโลกตะวันตกส่วนใหญ่ก็ซึมซับมันมาเช่นกัน เช่นเพลงของ Ariana Grande ชื่อเพลง Love Me Harder ช่วงฮุคลองสังเกตการ ตีกลอง ดู จะมีจังหวะเงียบอยู่ในทุก ๆ คิก เปรียบเสมือนเสียงลมหาย ๆ เข้าออก ฟังแล้วได้อารมณ์ดีจริง ๆ



4. เพลงป๊อปส่วนใหญ่จะตีสแนร์ เพื่อคุมบีทในช่วงจังหวะที่ 3 ของเพลงบีท 4:4 แต่ในปีที่แล้วนั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเสียงสแนร์กันแล้ว ทำให้เสียงของดนตรีดูแปลกออกไปอีกแนวหนึ่งเลยทีเดียว



5. เทคนิคที่จะกล่าวถึงนี้ แน่นอนว่าทุกคนได้ยินบ่อยมาก ๆ ในพักหลัง นั่นก็คือการเพิ่มเสียงเฮี้ยว ๆ หรือเสียงเฮในบีทส่งห้องหรือก่อนเข้าจังหวะกลอง ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่เพลงป๊อปสมัยใหม่นำมาใช้



6. เทคนิคที่ยังเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือการพิชเสียงของนักร้องขึ้นครึ่งเสียงนั่นเอง เป็นที่สังเกตว่า เพลงทางฝั่งตะวันตกโดยส่วนมากที่เป็นแนวป๊อปจะมีเพลงที่มีเสียงแปร่ง ๆ ออกมา สร้างเอกลักษณ์ให้เพลง เป็นอย่างดี



7. ปัจจุบัน คงไม่มีใครที่จะบอกว่าโปรแกรมจำพวก Autotune, Melodyne หรืออื่น ๆ ได้ทำลายพื้นฐานของเพลงที่เราเคยรู้จักกันไปเสียแล้ว ผมจะบอกว่ามันคือดาบสองคม ไม่มีเพลงไหนเลยที่ติดอันดับและไม่ได้พึ่งพามัน ผมหมายถึงการร้องเพลงของนักร้องสมันนี้ดูเหมือนจะไม่ผิดเพี้ยนไปเลย ต้องขอบคุณโปรแแกรมเหล่านี้ที่ทำให้เราไม่สะดุดกับเสียงร้องจริง ๆ ของนักร้องบางคนที่จะรู้อีกทีว่าดีไม่ดีก็ตอนไปฟังคอนเสริ์ตนั้นแหละ



8. เป็นการกลับมาอีกครั้งของเสียง Saxophone หรือเครื่องเป่าอื่น ๆ ที่นำมาเรียบเรียง สอดแทรกไว้ในบทเพลงในปีที่แล้ว ซึ่งจริง ๆ ในบ้านเราก็มีการนำเสียงเครื่องเป่าเหล่านี้ไว้ด้วย ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงความคลาสสิคและโมเดิร์นไปในคราวเดียวกัน


ก็จบแล้วนะครับ สำหรับการวิเคราะห์เทรนของปีที่แล้ว โดนส่วนใหญ่จะออกไปทางแต่งเติมสีสันให้กับเสียงร้องและจังหวะตีกลองต่าง ๆ ซึ่งที่สังเกตได้ชัดมาก ๆ ก็คือการใช้เทคนิคตอนโปรดักชั่นเพิ่มเติม โดยอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือทางดนตรี ทำให้ฮาร์โมนี่ของเสียงต่าง ๆ ลงตัว แน่นอนครับว่า คนฟังจะก็จะฟังอย่างรื่นหู สบายอารมณ์

สุดท้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์โดยใช้ความคิดส่วนตัว กลาง ๆ ออกไปทางอารมณ์เป็นที่ตั้ง ของผมที่ไม่ได้เอกดนตรีศาสตร์แต่อย่างใดนะครับ อาศัยฟังเพลงเยอะเพลงแยะ อาศัยอ่านบทความต่างประเทศแล้วเอามายำรวมกับความคิดของผมเอง อาจจะมีตกหล่น บกพร่องไปตรงไหนก็ลองคอมเมนต์มาดูกันได้นะครับ ก็ติดตามบทความดี ๆ (มั้ง) จากผมได้นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น